กฏแห่งกรรม : เนื้อวัวกับหัวคน



กฏแห่งกรรม : เรื่องเนื้อวัวกับหัวคน

อาหงเป็นพ่อค้าที่ขายสินค้าทั้งปลีกและส่ง เดือนหนึ่งจะต้องเดินทางไปภาคอีสานและภาคกลางอย่างน้อย 1 ครั้ง ทุกครั้งที่เดินทางมาที่จังหวัดสุรินทร์ ในตำบลเล็กๆ แห่งหนึ่งหลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจแล้ว จะนั่งดื่มชาจีนกับเถ้าแก่คนหนึ่งในร้านขายเหล็ก เพื่อพูดคุยกันและเป็นการรอรถเพื่อจะกลับจังหวัดที่ตนอยู่

มีอยู่ครั้งหนึ่งอาหงก็นั่งดื่มน้ำชากับเถ้าแก่เฉินตามปกติ และเสวนาเรื่องการค้า จู่ๆ ก็เห็นหนุ่มใหญ่คนหนึ่งท่าทางเป็นคนแข็งแรงร่างกายบึกบึน ชายคนนั้นได้จูงวัวตัวหนึ่งเดินผ่านหน้าร้านที่เถ้าแก้ทั้งสองกำลังดื่มน้ำชาอยู่ เป็นเรื่องแปลกมากเมื่อวัวตัวนั้นเดินผ่านร้านขายเหล็กที่เถ้าแก่ทั้งสองคนกำลังดื่มน้ำชากันอยู่ ก็ไม่ยอมเดินต่อไป ถึงแม้หนุ่มใหญ่คนนั้นจะลากจะจูงอย่างไร วัวตัวนั้นก็ดื้อไม่ยอมเดินท่าเดียว

หนุ่มใหญ่คนนั้นจึงโกรธมากได้เอาเชือกหยาบๆ เส้นหนึ่งเฆี่ยนตีลงไปที่หลังของวัว แต่วัวตัวนั้นก็ยังไม่เดิน อาหงและเถ้าแก่เฉินเมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น จึงหยุดดื่มน้ำชาแล้วรีบเดินมาดูที่หน้าบ้านว่ามีอะไรเกิดขึ้น เป็นเรื่องแปลกจริงๆ เมื่อวัวตัวนั้นเห็นเถ้าแก่ทั้งสองเดินออกมาดู วัวตัวนั้นจึงรีบคุกเข่าลงทันที น้ำตาไหลพรากเหมือนกับจะวิงวอนขอให้เถ้าแก่ทั้งสองช่วยชีวิตมันด้วย

อาหงได้มองหน้าเถ้าแก่เฉินแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก เถ้าแก่เฉินรู้จักหนุ่มใหญ่คนนี้ดี จึงถามหนุ่มใหญ่คนนี้ว่า “วัวตัวนี้จะเอาไปโรงฆ่าสัตว์หรือ จะขายเท่าไร” ที่เถ้าแก่เฉินถามนั้น ก็เพราะตั้งใจไว้ว่าจะร่วมกับอาหงซื้อวัวตัวนั้นเพื่อเอาบุญ หนุ่มใหญ่จึงตอบว่า

“ตั้งใจจะขายให้โรงฆ่าสัตว์สัก 6,000 บาท แต่ว่าไอ้วัวตัวนี้มันช่างร้ายกาจและดื้อนัก ต้องใช้กำลังมากจึงลากและจูงมันมาด้วยความลำบาก ดังนั้นต่อให้เป็นเงิน 10,000 บาท ก็จะไม่ขาย อยากจะทารุณมันด้วยสองมือของตัวเองจึงจะหายแค้น”

เถ้าแก่เฉินและอาหงก็ถามอีกว่า “วัวตัวนั้นไปทำอะไรให้ คุณถึงได้แค้นหนักหนา”

หนุ่มใหญ่ไม่ตอบ

ต่อมาเถ้าแก่จึงได้รู้ความจริงว่า “แท้จริงวัวตัวนี้มันแก่แล้วไถนาไม่ได้ เจ้าของวัวจึงได้ขายวัวตัวนี้ให้กับหนุ่มใหญ่ด้วยราคา 4,000 บาท หนุ่มใหญ่ตั้งใจจะขายต่อให้โรงฆ่าสัตว์ วัวตัวนั้นมันรู้ชะตากรรมของมันดีมัน จึงไม่ยอมเดินตามหนุ่มใหญ่ไป จึงเป็นเหตุให้หนุ่มใหญ่โกรธแค้นวัวตัวนี้ อยากจะฆ่าวัวตัวนี้ด้วยน้ำมือของมันเอง เถ้าแก่ทั้งสองสงสารวัวตัวนั้นจับใจอยากจะช่วยซื้อ แต่หนุ่มใหญ่ไม่ยอมขาย”

เถ้าแก่ทั้งสองจึงได้มองตากันปริบๆ เพราะช่วยเหลือวัวตัวนั้นไม่ได้ ได้แต่มองดูหนุ่มใหญ่ทั้งลากทั้งจูงวัวให้พ้นจากสายตา วันเวลาผ่านไป 1 เดือน อาหงเดินทางไปเก็บเงินและซื้อสินค้าเพิ่มเช่นเคย อาหงไปหาเถ้าแก่เฉิน เถ้าแก่เฉินเล่าให้ฟังว่า

จำได้ไหมเมื่อเดือนก่อนที่เราตั้งใจจะซื้อวัวตัวนั้น แต่หนุ่มใหญ่ไม่ยอมขายให้ เรื่องของวัวตัวนั้นอันที่จริงแล้ว เมื่อพวกเขาซื้อวัวมาจากเจ้าของเดิมก็อยากฆ่าด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องผ่านโรงฆ่าสัตว์ พวกเขาอยู่ด้วยกัน 3 คน บ้านอยู่ในชนบท วันหนึ่งได้แต่ซื้อวัวแก่ที่ไถนาไม่ได้แล้วนำมาฆ่าเอง หรือส่งไปที่โรงฆ่าสัตว์ วัวตัวหนึ่งจะขายได้กำไรประมาณ 2,000 – 3,000 บาท บางครั้งพวกเขาก็ช่วยกันฆ่าโดยจูงวัวเข้าไปในป่าแล้วลงมือฆ่า

เมื่อวัวตายเนื้อวัวจะถูกส่งไปขายให้พ่อค้าเนื้อที่ตลาด โดยค่าส่งจะถูกกว่าโรงฆ่าสัตว์เสียอีก การแอบฆ่าวัวเพื่อจะได้กำไรมาก โดยไม่ต้องผ่านโรงฆ่าสัตว์กำไรอีกทอดหนึ่ง แต่การแอบฆ่าสัตว์ก็ผิดกฏหมายเหมือนกัน ดังนั้นพวกเขานานๆ จะฆ่าสักตัวหนึ่ง เหมือนครั้งนี้เจ้าวัวแก่ตัวนี้มันดื้อไม่ยอมเดินตามหนุ่มใหญ่ไปที่โรงฆ่าสัตว์ มันจึงถูกพวกทั้ง 3 คนคิดจะลงมือฆ่าเอง

2 ใน 3 คนมีนาย ก และนาย ข นาย ก บอกให้นาย ข ไปที่ตลาดบอกกับพ่อค้าว่า “พรุ่งนี้จะมีเนื้อวัวที่ฆ่าเองมาส่งให้” พร้อมกับให้นาย ข ขากลับแวะไปที่ตลาดซื้อเหล้ามาด้วย ยังไม่ทันไปซื้อเหล้า นาย ข ได้เข้าไปร้านเหล้า ดื่มเหล้าไปแล้ว 30 จอก หลังจากนั้นก็มีอาการเมามายเดินโซเซอยู่กลางถนน ต่อมามีมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งแล่นผ่านมาแล้วเบียด นาย ข ตกริมทาง มีพลเมืองดีผ่านมาเห็นเข้าจึงได้นำ นาย ข ส่งโรงพยาบาล พอไปถึงโรงพยาบาลแล้ว นาย ข ยังไม่หายเมา ไม่มีสติ ส่วนนาย ก ยืนรอนาย ข อยู่ในป่านานแล้วนาย ข ก็ยังไม่กลับมาสักที จึงคิดว่าสงสัย เราจะต้องลงมือฆ่าวัวด้วยตัวเองเสียแล้ว เพราะนี้ก็บ่ายมากแล้วเดี๋ยวค่ำมืดจะไม่สะดวก

นาย ก มีความชำนาญในการฆ่ามาก พอคว้ามีดที่เสียบไว้ในเอวได้แล้ว จึงใช้มืออีกข้างหนึ่งคลำบริเวณลำคอของวัวตัวนั้น แล้วใช้มีดแทงลงไปบริเวณที่วัวถูกแทง ห่างจากลูกคอประมาณ 7 นิ้ว ไม่มีเสียงร้องจากวัวเมื่อถูกแทงก็ล้มลงขาดใจตายทันที นาย ก เรียนรู้การฆ่าวัวจากบรรพบุรุษของตัวเอง เพราะรู้วิธีการดี โดยแทงวัวให้ถูกจุด ชั่วประเดี๋ยววัวตัวนั้นก็มีเลือดไหลออกมาจากลำคอ นาย ก ปล่อยให้เลือดของวัวไหลจนหมด หลังจากนั้น นาย ก ก็จะเอากาละมังที่เตรียมไว้ไปใส่น้ำในลำธาร แล้ววางอยู่บนโขดหินจากนั้นก็จัดการก่อไฟขึ้น

นาย ก ใช้มีดปลายแหลมกรีดเข้าไปในท้องของวัว แล้วล้วงเอาลำไส้ให้ออกมา จากนั้นจึงฟันหัววัว หลังจากนั้นได้เอาไปต้มในกาละมังที่เตรียมไว้ ต่อจากนั้น นาย ก ก็หาต้นไม้ที่ร่มรื่นเอนหลังโดยใช้ไม้หยาบๆ หนุนแทนหมอน แล้วก็หลับไปเพื่อเป็นการรอคอยนาย ข ซื้อเหล้ามา จะได้แกล้มกับหัววัว

วันนั้น นาย ก เหนื่อยมาก พอล้มตัวลงก็หลับไม่รู้เรื่อง สะดุ้งตกใจตื่นกลัวว่าเมื่อกี้ที่ต้มหัววัวอยู่น้ำจะแห้งไปจึงรีบๆ ลุกขึ้นไปดูด้วยอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น นาย ก ไม่ทันระวังตัวเท้าไปสะดุดกับไม้หยาบที่ตัวเองใช้หนุนแทนหมอน นาย ก หกล้มหน้าจึงทิ่มไปในกาละมังที่กำลังต้มหัววัวอยู่พอดี ไม่มีเสียงร้องใดๆ จากนาย ก ทั้งเนื้อทั้งตัวจึงถูกต้มจนเปี่อยอยู่ในกาละมัง

รุ่งเช้าชาวบ้านเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์เข้าก็วิพากษ์วิจารณ์ว่า “ผลกรรมตามสนอง” เพราะว่าเอาหัววัวไปต้ม หน้าก็ถูกทิ่มลงไปในกาละมังด้วย ดังนั้นทุกคนจึงได้รู้ว่าทำกรรมไว้กับผู้ใดกรรมนั้นจะตอบสนองเหมือนเงาตามตัว

ที่มา : dhammajak

Leave a Reply